เอ็นวายเอส โลจิสติกส์ ผู้ให้บริการเรือชายฝั่งท่าเรือกรุงเทพ-ท่าเรือแหลมฉบัง ชูจุดเด่นช่วยลดปัญหาความแออัดของท่าเรือกรุงเทพ ท่าเรือแหลมฉบัง และICD ลาดกระบัง ปี 51 เร่งแผนพัฒนาต่อเนื่อง พร้อมก้าวสู่ผู้ให้บริการขนส่งทางน้ำครบวงจร ปัญหาความแออัดของตู้สินค้าของท่าเรือกรุงเทพ ท่าเรือแหลมฉบัง และ ICD ลาดกระบัง รวมถึงภาวะราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ผันผวนเป็นปัญหาหนักอกของผู้นำเข้า-ผู้ส่งออกและผู้ให้บริการขนส่งภายในประเทศ เพราะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้การขนส่งสินค้าล่าช้าและทำให้ต้นทุนขนส่งค่อนข้างสูง การขนส่งสินค้าด้วยเรือชายฝั่งจึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจเพราะสามารถตอบโจทย์ได้ทั้งในแง่ประหยัดเวลาและต้นทุนโดยรวมในการขนส่งสินค้า
ด้วยเหตุนี้ การท่าเรือแห่งประเทศไทยจึงได้มีนโยบายพัฒนาระบบขนส่งทางน้ำ ให้โอกาสกับเอกชนที่มีความพร้อมเปิดบริการสายเรือขนตู้สินค้าระหว่างท่าเรือกรุงเทพกับท่าเรือแหลมฉบังแบบเต็มรูปแบบ โดยบริษัท เอ็นวายเอส โลจิสติกส์ จำกัด เป็นบริษัทแรกที่เปิดให้บริการในเส้นทางดังกล่าวตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2549
สำหรับเป้าหมายหลักของเอ็นวายเอส โลจิสติกส์คือเป็นผู้ขนส่งสินค้าภายในประเทศโดยทางน้ำทั้งเป็นสินค้าภายในประเทศและสินค้าส่งนำเข้า-ส่งออก รวมถึงให้บริการถ่ายลำ (transshipment) กับสายเรือขนาดใหญ่ที่ไม่มีเรือเข้าท่าเรือกรุงเทพ
"เรือชายฝั่งไม่ใช่คู่แข่งของรถบรรทุกหรือรถไฟ แต่เป็นอีกหนึ่งรูปแบบการขนส่งที่จะช่วยสนับสนุนการขนส่งรูปแบบเดิม" คุณสมชาย ตันติจินดา ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท เอ็นวายเอส โลจิสติกส์ จำกัด กล่าว
ชูจุดเด่นประหยัดค่าขนส่ง ไม่ติดขัดจราจรหน้าท่า
ประโยชน์หลักที่ผู้ใช้บริการได้รับจากบริการเรือชายฝั่งคือช่วยประหยัดเวลาในการขนส่งสินค้าโดยรวมได้มากกว่าทางบกประมาณ 1-2 ชั่วโมง เนื่องจากเรือชายฝั่งไม่มีปัญหาเรื่องการจราจรติดขัดหน้าท่าเรือ และได้ closing time เท่ากับรถไฟคือให้สินค้าไปถึงก่อนเรือแม่เทียบท่าแหลมฉบัง 1 ชั่วโมง ขณะที่การขนส่งทางรถบรรทุกต้องประสบปัญหาการจราจรคับคั่งหน้าท่าเรือ และต้องให้ตู้สินค้ามาถึงท่าเรือแหลมฉบัง 48 ชั่วโมงก่อนเรือแม่เข้า
ด้านต้นทุนการขนส่ง เรือชายฝั่งช่วยประหยัดต้นทุนโดยรวมได้ดีกว่าขนส่งทางรถบรรทุกและรถไฟ และสามารถบรรทุกน้ำหนักต่อตู้ได้มากกว่า และขนส่งได้คราวละมากๆ ซึ่งตู้สินค้าขนาด 20 ฟุตสามารถบรรทุกน้ำหนักสินค้าได้ประมาณ 20 ตันต่อตู้ ขณะที่การขนส่งด้วยรถบรรทุกรับน้ำหนักได้เพียง 14-15 ตัน
นอกจากนี้ลูกค้ายังได้รับความสะดวกในการลดขั้นตอนพิธีการศุลกากร เนื่องจากท่าเทียบเรือชายฝั่งในท่าเรือกรุงเทพอยู่นอกเขตรั้วศุลกากร มีเจ้าหน้าที่ของเอ็นวายเอส โลจิสติกส์ให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง และในกรณีเร่งด่วน เช่น สายเรือไม่สามารถขนตู้สินค้าไปยังท่าเรือแหลมฉบังได้หมดในคราวเดียวกัน หรือเรือไม่สามารถเข้ามาในท่าเรือกรุงเทพได้เนื่องจากระดับน้ำลดต่ำ ทางบริษัทฯ สามารถเตรียมเรือให้พร้อมภายใน 1-2 ชั่วโมง
ผู้ใช้บริการตอบรับดี ปี 50 เติบโตเท่าตัว
นับจากเริ่มเปิดให้บริการ เอ็นวายเอส โลจิสติกส์ได้รับความสนใจจากลูกค้าอย่างต่อเนื่อง โดยมีอัตราการเติบโตของปริมาณสินค้าเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัว และได้เพิ่มรอบให้บริการมากขึ้น จากเดิมสัปดาห์ละ 2 วันเป็นสัปดาห์ละ 3-5 วันหรือวิ่งทุกวันขึ้นอยู่กับปริมาณสินค้า ทั้งนี้ ปัจจุบันบริษัทฯ มีเรือให้บริการทั้งสิ้นจำนวน 6 ลำ
สำหรับกลุ่มลูกค้าหลักของบริษัทฯ แบ่งเป็น 2 กลุ่มคือสายเรือขนส่งสินค้าระหว่างประเทศซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าหลักกว่า 90% ส่วนกลุ่มที่สองคือกลุ่มผู้ผลิต ผู้นำเข้า ผู้ส่งออก และผู้ขนส่งสินค้าในประเทศ
อย่างไรก็ตามแม้ผู้ใช้บริการเริ่มตอบรับดีขึ้น แต่บริษัทฯ ยังประสบปัญหาเรื่องการบริหารเรือเที่ยวเปล่าในขากลับ ซึ่งปัจจุบันการขนส่งยังไม่เต็มประสิทธิภาพเป็นการขนส่งสินค้าเที่ยวเดียวคือจากท่าเรือกรุงเทพไปยังท่าเรือแหลมฉบังส่วนขากลับเป็นการตีเที่ยวเปล่า ซึ่งปัญหาดังกล่าวเกิดกับผู้ให้บริการเรือชายฝั่งทุกราย ทั้งนี้ คุณสมชาย กล่าวว่า กำลังดำเนินการแก้ไขโดยจะพยายามขยายฐานลูกค้าให้กว้างขึ้น เพิ่มช่องทางการเข้าถึงระหว่างลูกค้ากับบริษัทฯ ให้มากขึ้น และเปิดรับสินค้าโดยไม่จำกัดปริมาณ
เร่งขยายฐานลูกค้า มุ่งสู่ผู้ให้บริการขนส่งทางน้ำครบวงจร
สำหรับแผนพัฒนาศักยภาพของบริษัทฯ นั้น คุณสมชาย เปิดเผยว่า จะพยายามขยายฐานลูกค้าเพื่อเพิ่มปริมาณสินค้าโดยตั้งเป้าว่าจะสามารถให้บริการเรือได้ทุกวัน พัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อเพิ่มช่องทางการเข้าถึงของลูกค้า และจะพัฒนาศักยภาพสู่ผู้ให้บริการขนส่งทางน้ำครบวงจร (Total Logistics Chain) สามารถรองรับความต้องการได้แบบ Door to door โดยมีทั้งแผนงานระยะสั้น-ระยะยาว ดังนี้
แผนงานระยะสั้นภายในปี 2551
1. ตั้งเป้าว่าสามารถให้บริการได้ทุกวันโดยมีการขนส่งสินค้าอย่างเต็มประสิทธิภาพทั้งขาไปและขากลับ
2. ขยายฐานลูกค้าทั้ง 2 กลุ่มลูกค้าเป้าหมาย
3. เปิดเส้นทางให้บริการใหม่ๆ คือ เส้นทางกรุงเทพ-สุราษฎร์ธานี กรุงเทพ-สงขลา และกรุงเทพ-ระนอง
แผนงานระยะยาวภายในปี 2552-2554
1. พัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศเชื่อมต่อกับลูกค้า
2. ขยายกลุ่มลูกค้าไปยังกลุ่มผู้ขนส่งสินค้าภายในประเทศ เป็นการสนับสนุนการขนส่งต่อเนื่องหลายรูปแบบโดยใช้การขนส่งทางเรือชายฝั่งในเส้นทางระยะไกลแล้วใช้รถบรรทุกขนส่งในระยะสั้น
3. ก้าวสู่การเป็น Total Logistics Chain สามารถรองรับความต้องการของลูกค้าได้แบบ Door to door
"จากระยะแรกที่เราต้องการผลักดันแนวคิดเรื่องเรือชายฝั่งให้เห็นผลเป็นรูปธรรม ตอนนี้เราผ่านจุดเริ่มต้นแล้ว และก้าวสู่การพัฒนาศักยภาพด้านต่างๆ ซึ่งที่ผ่านมาเราได้ประสบการณ์ และสามารถวางระบบปฏิบัติงานของเรา ระยะต่อไปคือการพัฒนาในด้านต่างๆ ที่มีความสำคัญเพื่อก้าวสู่เป้าหมายการเป็น Total Logistics Chain ในที่สุด" คุณสมชาย แสดงวิสัยทัศน์ในการบริหารงาน
แนะภาครัฐสนับสนุนและแก้ไขกฎระเบียบที่ไม่เอื้ออำนวย เพื่อให้การขนส่งทางเรือชายฝั่งมีประสิทธิภาพมากขึ้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรดำเนินการเพื่อลดอุปสรรคของการขนส่งทางเรือชายฝั่ง ทั้งนี้ คุณสมชาย ให้ความเห็นเกี่ยวกับอุปสรรคของธุรกิจเรือชายฝั่งว่า ปัจจุบันเรือชายฝั่งขาดกฎระเบียบรองรับและต้องอิงกับกฎระเบียบของเรือขนส่งสินค้าระหว่างประเทศทั้งที่มีรูปแบบการบริหารแตกต่างกันทำให้เกิดอุปสรรคในการทำงาน
นอกจากนี้ท่าเรืออเนกประสงค์ A0 ที่ท่าเรือแหลมฉบัง ซึ่งภาครัฐมีนโยบายสร้างขึ้นเพื่ออำนวยความสะดวกสำหรับเรือชายฝั่งนั้น ในทางปฏิบัติไม่ได้เอื้อประโยชน์ต่อผู้ให้บริการเรือชายฝั่งเท่าที่ควร เนื่องจากกฎระเบียบไม่เอื้ออำนวย มีต้นทุนสูงในการขนส่งสินค้าโดยต้องใช้รถหัวลากจากท่าเทียบเรือ A0 ไปยังท่าเทียบเรืออื่นๆ เพื่อนำสินค้าขึ้นเรือขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ และต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบ closing time 48 ชั่วโมงก่อนเรือเข้าเช่นเดียวกับรถบรรทุกทั่วไป
ขณะที่รูปแบบที่ปฏิบัติอยู่ปัจจุบันสะดวกและมีต้นทุนต่ำกว่า คือเรือชายฝั่งเข้าเทียบท่าในท่าเทียบเรือต่างๆ ในท่าเรือแหลมฉบังเพื่อนำสินค้าส่งขึ้นเรือขนส่งสินค้าระหว่างประเทศได้โดยตรง และมี closing time เพียง 1 ชั่วโมง
การขนส่งด้วยเรือชายฝั่งเป็นคำตอบสำคัญในการเสริมศักยภาพการขนส่งรูปแบบเดิมที่ผู้นำเข้า-ส่งออกคุ้นเคย ซึ่งเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการลดต้นทุน และเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันของผู้ประกอบการไทย
บริษัท นามยืนยง ชิปปิ้ง จำกัด และ บริษัท ในเครือ ที่อยู่ : 334/16-17 ถนนพระรามที่ 4 แขวงมหาพฤฒาราม เขตบางรัก กรุงเทพมหานคร Tel. 02-236-1768 www.nyslogistic.blogspot.com E-mail : nys.logistix@gmail.com facebook / เอ็นวายเอส โลจิสติกส์
Translate
วันเสาร์ที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555
NYS Logistics เปิดเส้นทางใหม่ เพิ่มบริการขนส่งทางรถไฟ ปี55 พร้อมเป็น MTO เต็มรูปแบบ
เอ็นวายเอส โลจิสติกส์ ผู้ให้บริการเรือชายฝั่งระบุปี 53 โตต่อเนื่อง เปิดเส้นทางใหม่ท่าเรือแหลมฉบัง-แม่กลอง เตรียมเปิดตัวขนส่งสินค้าทางรถไฟ คาดภายในปลายปีนี้พร้อมเปิดเส้นทางบางซื่อ-ชุมพร-ท่าเรือระนอง เผยเป้าหมายปี 55 ขึ้นแท่นเป็นผู้ให้บริการขนส่งต่อเนื่องอย่างเต็มรูปแบบ
จากผู้ให้บริการขนส่งสินค้าทางเรือชายฝั่งมากว่า 3 ปี จนแบรนด์ติดหูผู้ใช้บริการในปัจจุบัน ในปี 2553 นี้ นับว่าบริษัท เอ็นวายเอส โลจิสติกส์ จำกัด ประสบความสำเร็จไปอีกขั้น ทั้งปริมาณการใช้บริการที่เพิ่มขึ้น โดยมีอัตราการเติบโตกว่า 15% ขณะเดียวกันได้ขยายเส้นทางใหม่ท่าเรือแหลมฉบัง-แม่กลอง /แม่กลอง-ท่าเรือแหลมฉบัง รวมถึงจับมือกับผู้ให้บริการขนส่งสินค้าทางรถไฟเปิด Line Product ใหม่ เตรียมให้บริการขนส่งสินค้าทางรถไฟเชื่อมโยงกับเรือชายฝั่งในเส้นทางบางซื่อ-ชุมพร-ท่าเรือระนอง และอยู่ระหว่างประสานงานในเส้นทางหาดใหญ่-ท่าเรือแหลมฉบัง
ทั้งนี้ การรุกดำเนินงานต่างๆ ล้วนเป็นการมุ่งสู่เป้าหมายของบริษัทฯ ที่ต้องการเป็นผู้ให้บริการขนส่งต่อเนื่องหลายรูปแบบ (Multimodal Transport Operator: MTO) เชื่อมระบบขนส่งทั้งทางเรือชายฝั่ง รถบรรทุก และรถไฟอย่างเต็มรูปแบบในปี 2555 นั่นเอง
เกี่ยวกับการเติบโต ความสำเร็จตลอดปี 2553 รวมถึงการให้บริการในเส้นทางใหม่ๆ คุณสมชาย ตันติจินดา ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท เอ็นวายเอส โลจิสติกส์ จำกัด กล่าวว่า การดำเนินงานถือว่าประสบความสำเร็จอยู่ในระดับที่ดี ได้รับการตอบรับจากผู้ใช้บริการ และมีการเติบโตประมาณ 15%
สำหรับการให้บริการในเส้นทางใหม่ๆ นั้น ปัจจุบันได้ให้บริการเพิ่มเติมในเส้นทางท่าเรือแหลมฉบัง-แม่กลอง/แม่กลอง-ท่าเรือแหลมฉบัง อาทิตย์ละ 2-3 เที่ยว เพิ่มเติมจากเส้นทางเดิมที่มีและเป็นที่รู้จักอยู่แล้ว คือเส้นทางท่าเรือแหลมฉบัง-ท่าเรือกรุงเทพ/ท่าเรือกรุงเทพ-ท่าเรือแหลมฉบัง
นอกจากนี้ คุณสมชายเปิดเผยว่า อยู่ระหว่างประสานงานเพื่อผลักดันให้เกิดการให้บริการในเส้นทางมาบตาพุด-ท่าเรือ
แหลมฉบัง/ท่าเรือแหลมฉบัง-มาบตาพุด สำหรับความคืบหน้าอยู่ระหว่างประสานเกี่ยวกับการจัดการเรื่องเส้นทาง เวลาของเรือ ค่าใช้จ่าย ตู้คอนเทนเนอร์ในการรับส่งสินค้า ฯลฯ คาดว่าภายในปีนี้น่าจะเห็นภาพที่ชัดเจนมากขึ้น
แหลมฉบัง/ท่าเรือแหลมฉบัง-มาบตาพุด สำหรับความคืบหน้าอยู่ระหว่างประสานเกี่ยวกับการจัดการเรื่องเส้นทาง เวลาของเรือ ค่าใช้จ่าย ตู้คอนเทนเนอร์ในการรับส่งสินค้า ฯลฯ คาดว่าภายในปีนี้น่าจะเห็นภาพที่ชัดเจนมากขึ้น
เตรียมให้บริการขนส่งทางรถไฟบางซื่อ-ชุมพร-ท่าเรือระนอง
นอกจากการให้บริการเรือชายฝั่งในเส้นทางต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคกลางแล้ว ล่าสุดบริษัทฯ ได้จับมือกับผู้ให้บริการขนส่งสินค้าทางรถไฟ และรถบรรทุกเพื่อเชื่อมโยงการขนส่งระหว่างภาคใต้และภาคกลางของประเทศ โดยอยู่ระหว่างเตรียมความพร้อมในเส้นทางบางซื่อ-ชุมพร-ท่าเรือระนอง ซึ่งปัจจุบันมีความพร้อมแล้วประมาณ 70% คาดว่าสามารถให้บริการได้ภายในปี 2553 นี้
นอกจากนี้อยู่ระหว่างประสานงานในเส้นทางหาดใหญ่-ท่าเรือแหลมฉบัง ปัจจุบันความต้องการใช้บริการมีอยู่แล้ว แต่อยู่ระหว่างการพูดคุยเรื่องค่าใช้จ่าย เพราะผู้ใช้บริการในพื้นที่ดังกล่าวมีทางเลือกในการส่งสินค้าไปทางพอร์ทกรัง มาเลเซียอยู่แล้ว เมื่อเปรียบเทียบค่าใช้จ่ายพบว่า ยังสูงกว่าออกไปทางมาเลเซีย แต่หากขอความร่วมมือกับสายเรือจากท่าเรือแหลมฉบังในราคาที่พอสู้ได้ เชื่อว่าลูกค้าจะเลือกใช้บริการอย่างแน่นอน
เกี่ยวกับแนวคิดดังกล่าว คุณสมชาย กล่าวว่า “สิ่งที่เรากำลังทำคือจับมือทั้งกับรถไฟ และรถบรรทุก ซึ่งแต่ละโหมดการขนส่งมีจุดด้อยจุดแข็งที่ต่างกัน เราดึงให้มาทำงานร่วมกันอย่างเป็นระบบ พยายามให้ความมั่นใจกับลูกค้าว่า เรามีวิธีนำสินค้าไปให้ได้ ถ้ารถไฟไม่พอจะถูกสลับมาที่รถบรรทุก หรือเรือชายฝั่ง ภายใต้ค่าใช้จ่ายในกรอบเดียวกัน”
“อุปสรรคในการขนส่งสินค้าทางรถไฟจากภาคใต้มาที่ภาคกลาง คือ เกิดต้นทุนที่เป็นดับเบิ้ลแฮนลิ่ง เช่น เส้นทางหาดใหญ่-ท่าเรือกรุงเทพ ทั้งที่สินค้าควรจะมุ่งตรงมาที่ท่าเรือกรุงเทพเลย เพราะท่าเรือกรุงเทพสามารถขนส่งทางรถไฟได้อยู่แล้ว แต่ปัจจุบันยังใช้ไม่เต็มประสิทธิภาพ ดังนั้นสินค้าจึงต้องไปที่บางซื่อก่อน จึงทำให้เกิดต้นทุนที่ซ้ำซ้อน” คุณสมชาย กล่าวเพิ่มเติม
สำหรับรูปแบบการขนส่งสินค้าในเส้นทางบางซื่อ-ชุมพร-ท่าเรือระนอง คือขนส่งสินค้าทางรถไฟจากสถานีรถไฟบางซื่อไปยังสถานีรถไฟชุมพร จากชุมพรบริษัทฯ ร่วมมือกับผู้ให้บริการขนส่งสินค้าทางรถบรรทุกขนส่งต่อไปยังท่าเรือระนอง ปัจจุบันมีความพร้อมแล้ว 70% เหลือเพียงประสานงานเรื่องตารางเรือ คาดว่าพร้อมเปิดให้บริการภายในปีนี้
ประโยชน์ที่ผู้ใช้บริการจะได้รับคือ มีทางเลือกในการส่งสินค้ามากขึ้น มีความแน่นอน สินค้าสามารถส่งทันเวลา ลดระยะเวลาในการเดินทาง แม้ค่าใช้จ่ายยังไม่ถูกกว่าหรืออาจสูงกว่าเล็กน้อย
ทั้งนี้ ยกตัวอย่างสินค้าที่ส่งผ่านท่าเรือระนองไปยังประเทศพม่า ปัจจุบันผู้ประกอบการประสบปัญหาสินค้าตกเรือที่สิงคโปร์ หรือพอร์ทกรัง ประเทศมาเลเซีย เพราะส่วนหนึ่งเนื่องจากเรือที่สิงคโปร์ให้ความสำคัญกับสินค้าน้ำหนักเบาแต่มีมูลค่าสูงมากกว่า ขณะที่สินค้าจากไทยส่วนใหญ่เป็นสินค้าหนัก จึงทำให้สินค้าจากไทยไปพม่าใช้เวลาเกือบ 1 เดือน
แต่หากเป็นการขนส่งทางรถไฟจากบางซื่อไปยังชุมพรและทางถนนไปท่าเรือระนองใช้เวลาประมาณ 3 วัน และจากท่าเรือระนองไปยังพม่าอีก 1 วัน ทำให้ลดเวลาในการขนส่งได้มาก
นอกจากนี้ การขนส่งสินค้าทางรถไฟดังกล่าว ยังเป็นทางเลือกหนึ่งในการเชื่อมโยงสินค้าสู่ท่าเรือในภาคใต้ เช่น ท่าเรือสงขลา 2 และท่าเรือปากบารา ที่มีแนวคิดระดับประเทศผลักดันให้เกิด แต่หลายฝ่ายยังมุ่งประเด็นว่า ต้องมีนิคมอุตสาหกรรมใกล้ท่าเรือเพื่อป้อนสินค้า ซึ่งมุมมองส่วนตัวคุณสมชายเห็นว่า อย่าห่วงเรื่องที่ตั้งของสินค้า แต่ต้องให้ความสำคัญกับการเชื่อมโยงสินค้าไปยังท่าเรือมากกว่า เพราะความเป็นจริงสินค้าควรอยู่แหล่งที่ได้เปรียบทั้งด้านวัตถุดิบ และต้นทุนนั่นเอง
ปี 55 เป็นผู้ให้บริการขนส่งต่อเนื่องหลายรูปแบบ
ถามถึงก้าวต่อไป และแผนงานในปี 2554-2555 คุณสมชายเปิดเผยว่า จากปี 2553 ที่บริษัทฯ มุ่งปรับปรุงการให้บริการ และเพิ่มบริการใหม่ๆ อาทิ การเปิดเส้นทางใหม่ และร่วมมือกับผู้ให้บริการขนส่งสินค้าทางรถไฟเปิดเป็นบริการใหม่ ซึ่งในปี 2553 บริษัทฯ ได้เริ่มเข้าถึงลูกค้าโดยตรง คือ กลุ่มผู้ผลิต ผู้นำเข้า ผู้ส่งออก จากเดิมที่กลุ่มลูกค้าเป็นสายเรือเป็นส่วนใหญ่
ส่วนแผนงานขั้นต่อไปในปี 2554 จะเป็นการเริ่มหาลูกค้าโดยตรง เพื่อหากลุ่มสินค้าในประเทศ ซึ่งถือเป็นเป้าหมายหลัก
ของบริษัทฯ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มที่มีขนาดเล็ก รายกลาง รายย่อย เพราะเป็นกลุ่มที่ได้รับความเดือดร้อนมากที่สุด ขาดอำนาจการต่อรองเมื่อเทียบกับผู้ใช้บริการรายใหญ่
ของบริษัทฯ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มที่มีขนาดเล็ก รายกลาง รายย่อย เพราะเป็นกลุ่มที่ได้รับความเดือดร้อนมากที่สุด ขาดอำนาจการต่อรองเมื่อเทียบกับผู้ใช้บริการรายใหญ่
ส่วนปี 2555 ตั้งเป้าหมายไว้ว่า จะสามารถขึ้นแท่นเป็นผู้ให้บริการขนส่งต่อเนื่องหลายรูปแบบ (Multimodal Transport Operation) อย่างเต็มตัว สามารถเชื่อมโยงระบบขนส่งในประเทศทั้งทางเรือชายฝั่ง ทางถนน และทางรถไฟได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ ยังมีแผนงานทำศูนย์กระจายสินค้าในประเทศ เพื่อเป็นจุดรวบรวมสินค้าต่างๆ ในเส้นทางที่สำคัญ เป็นจุดเชื่อมโยงในการขนส่งสินค้า ทำให้รถขนส่งวิ่งในระยะสั้น ลดทั้งเวลา และต้นทุนโลจิสติกส์โดยรวม ซึ่งบริษัทฯ มีความพร้อมอยู่แล้ว คือมีคลังสินค้า และความพร้อมในการซัพพลายตู้แล้ว จึงเป็นแนวคิดที่จะดำเนินการต่อเนื่องต่อไป
การเดินหน้าพัฒนาบริการใหม่ๆ อย่างต่อเนื่องของเอ็นวายเอส โลจิสติกส์ เป็นที่น่าจับตามอง ซึ่งหากรูปแบบการให้บริการเกิดผลอย่างเป็นรูปธรรมแล้ว น่าจะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของการขนส่งสินค้าในประเทศได้ดีเลยทีเดียว
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)